ประจำเดือนผิดปกติ / สมดุลสตรี

 

ประจำเดือนมาผิดปกติเป็นอย่างไร ?

     ประจำเดือนมาไม่ปกติ (หรือที่เรียกว่า Menstrual Irregularities) เป็นภาวะที่รอบเดือนมีความผิดปกติจากลักษณะการมีประจำเดือนที่ปกติ ซึ่งสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ เช่น จำนวนวันที่มีประจำเดือนมากเกินไป น้อยเกินไป หรือรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ โดยทั่วไป ประจำเดือนที่ปกติจะมีรอบประมาณ 21-35 วัน และมีประจำเดือนอยู่ระหว่าง 3-7 วัน ซึ่งลักษณะของประจำเดือนมาไม่ปกติจะมีดังนี้
1.รอบเดือนขาดหาย (Amenorrhea)
  - ไม่มีประจำเดือนอย่างน้อย 3 เดือนติดต่อกัน  
  - มักเกิดจากปัจจัยทางร่างกายหรือจิตใจ เช่น ความเครียด การออกกำลังกายมากเกินไป น้ำหนักตัวน้อยเกินไป หรือฮอร์โมนไม่สมดุล

2.รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ (Oligomenorrhea)
  - รอบเดือนมาช้ากว่าปกติ โดยมากกว่า 35 วัน แต่ยังมีประจำเดือนอยู่  
  - สาเหตุอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)

3.ประจำเดือนมามากผิดปกติ (Menorrhagia)
  - ประจำเดือนมีปริมาณมากผิดปกติ (มากกว่า 80 มล.) หรือมีประจำเดือนนานกว่า 7 วัน  
  - อาจเกิดจากเนื้องอกมดลูก โรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน

4.ประจำเดือนมาน้อย (Hypomenorrhea)
  - ประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติ หรือมาเพียงแค่หยดเล็กน้อย  
  - อาจเกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิด ภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือการสูญเสียเนื้อเยื่อของมดลูก

5.ระยะเวลารอบเดือนสั้นหรือยาวเกินไป (Polymenorrhea/Prolonged menstrual cycle)
  - รอบเดือนมาถี่เกินไป (น้อยกว่า 21 วัน) หรือห่างเกินไป (มากกว่า 35 วัน)

6.การมีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน (Metrorrhagia)
  - มีเลือดออกนอกเหนือจากช่วงเวลาประจำเดือนปกติ เช่น หลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือเลือดออกระหว่างรอบเดือน  
  - อาจเกิดจากปัญหาที่มดลูกหรือช่องคลอด เช่น เนื้องอก หรือการติดเชื้อ

อาการปวดท้องประจำเดือนเป็นแบบไหน ?

       ในแพทย์แผนจีน อาการปวดท้องประจำเดือน (หรือที่เรียกว่า 痛经 – ตงจิง ) เกิดจากความไม่สมดุลของการไหลเวียนของเลือดและฮอร์โมนให้เกิดความสมดุลในร่างกาย โดยสาเหตุหลักๆ ของอาการปวดท้องประจำเดือนตามศาสตร์แพทย์จีนแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก:

1. ภาวะเลือดและพลังงานชี่ติดขัด (Qi and Blood Stagnation)
  - การไหลเวียนของเลือดและพลังงานในร่างกายติดขัด ส่งผลให้เกิดอาการปวดแบบบีบและเกร็ง อาการจะดีขึ้นเมื่อได้รับความร้อน
  - อาการ: ปวดแบบบีบ เกร็ง รู้สึกว่าท้องแข็ง หรือรู้สึกมีลมในท้อง

2. ภาวะความเย็นเข้าสู่มดลูก (Cold Invasion of the Uterus)
  - เกิดจากพลังงานเย็นเข้ามารบกวนการไหลเวียนของเลือดในมดลูก ส่งผลให้เลือดในมดลูกแข็งตัวหรือไหลเวียนช้าลง
  - อาการ: ปวดท้องรุนแรง มีอาการเย็นที่มือเท้าหรือทั้งตัว และอาการปวดจะบรรเทาลงเมื่อได้รับความร้อน

3. ภาวะพลังชี่พร่องและเลือดพร่อง (Qi and Blood Deficiency)
  - เกิดจากการขาดพลังงานและเลือด ทำให้มดลูกไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เป็นผลให้เกิดอาการปวดและความเหนื่อยล้า
  - อาการ: ปวดเบาๆ มีความรู้สึกเหนื่อยล้า เวียนศีรษะ ผิวซีดหรือมีประจำเดือนสีจาง

4. ภาวะความร้อนสะสมในตับ (Liver Heat)
  - เกิดจากอารมณ์เครียดหรือความกดดันที่สะสม ส่งผลให้พลังงานในตับติดขัดและสร้างความร้อนที่มดลูก ทำให้เกิดอาการปวด
  - อาการ: ปวดท้องรุนแรง, มีประจำเดือนสีแดงเข้ม, หงุดหงิดง่าย, ปวดศีรษะ, หรือรู้สึกกระหายน้ำ

ฝังเข็มช่วยได้จริงเหรอ

     การฝังเข็มเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาของแพทย์แผนจีนที่ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน โดยหลักการสำคัญของการฝังเข็มคือการกระตุ้นจุดต่างๆ บนร่างกายเพื่อปรับสมดุลของ การไหลเวียนของเลือดและฮอร์โมน ให้กลับมาทำงานปกติ

1.กระตุ้นการไหลเวียนของพลังชี่และเลือด
  - อาการปวดท้องประจำเดือนมักเกิดจากการติดขัดของการไหลเวียนของพลังชี่และเลือดในร่างกาย การฝังเข็มจะกระตุ้นให้การไหลเวียนนี้กลับมาเป็นปกติ ทำให้อาการปวดบรรเทาลง
  - เมื่อเข็มถูกปักลงในจุดเฉพาะบนร่างกาย จะช่วยเปิดเส้นทางพลังงาน (หรือที่เรียกว่า **เส้นลมปราณ** - meridians) และส่งเสริมการเคลื่อนไหวของพลังชี่ที่ติ

2.ลดการหดตัวของมดลูก
  - การฝังเข็มสามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่หดตัวอยู่ในมดลูก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดท้อง การกระตุ้นด้วยเข็มจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายมากขึ้น ลดอาการเกร็งและความเจ็บปวดได้

3.กระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins)
  - การฝังเข็มสามารถกระตุ้นระบบประสาทให้ปล่อยสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยลดความเจ็บปวดตามธรรมชาติในร่างกาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความเครียด ซึ่งมักเป็นสาเหตุทำให้อาการปวดแย่ลง

4.บรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
  - นอกจากการบรรเทาอาการปวดท้องแล้ว การฝังเข็มยังสามารถช่วยลดอาการร่วมอื่นๆ ที่มักเกิดในช่วงมีประจำเดือน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหลัง หรืออาการอ่อนเพลีย

รักษาอาการปวดประจำเดือนสไตล์ชิงหลง

     ทางชิงหลงคลินิกมีวิธีการรักษาด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน โดยการฝังเข็มครอบแก้วควบคู่กับการทานยาจีนและทานชาสมุนไพรจีนที่จะช่วยรักษาเรื่องการปรับสมดุลภายในร่างกายส่งผลให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ประจำเดือนมาตามปกติและส่งผลให้การนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อให้ร่างกายกักเก็บพลังงานได้อย่างเต็มที่

สุดท้ายอยากฝากให้ทุกท่านในช่วงมีประจำเดือนว่า ไม่ควรออกกำลังกายหนัก ควรออกเบาๆ นอนหลับพักผ่อนให้พียงพอ ประคบน้ำอุ่น เพื่อให้ร่างกายมีการไหลเวียนของเลือดได้ดีขึ้น ด้วยความห่วงใยจากหมอไท้แพทย์แผนจีนชิงหลงคลินิก